ภาพนี้ไกด์ประจำอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพได้บอกว่าเป็น

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ซึ่งน้ำไม่เคยเหือดแห้งจากบ่อนี้

ดูเอาก้อแล้วกันว่านี่ปี พ.ศ. 2552 แล้วแต่กน้ำก้อยังคงมีอยู่

ซึ่งจากปากบ่อไปจนถึงระดับน้ำก้อคิดดูเถอะว่า....เป็นอย่างไร

หึ หึ เรื่องบางเรื่องไม่น่าเชื่อ..แต่ก้อไม่ควลบหลู่ ฮ่า ๆ ^___^

ลืมอธิบายประกอบ ภาพที่เห็นอยู่นี้เป็นโครงกระดูกช้างนะคับ

ซึ่งได้ขุดค้นพบพร้อม ๆ กับโครงกระดูกของหญิงสาวคนหนึ่ง

ซึ่งข้าง ๆ กายของหญิงสาวคนนี้ได้มีการขุดค้นพบถ้วย ชาม

กำไล และข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ  พร้อมทั้งมีดดาบข้างกาย

เป็นความเชื่อของคนในสมัยโบราณว่าถ้าหากหญิงสาวคนนี้

ได้ไปเกิดใหม่จะได้มีข้าวของเครื่องใช้เหล่านี้ไว้ใช้ในภายหน้ากั๊บ

สอดส่ายสายตาหา ลุง กันหน่อยนะงับ  ^__^  แว้บบบเข้ามาเป็นระยะ ๆ อิ อิ

ต่อไปจะลงรูปกันอย่างเดียวเลยนะงับพี่ความต่อเนื่องและความเพลิดเพลินกับบรรยากาศ

อ่ะ ๆ มาชมโฉมหน้าของท่าน สว. และนักท่องเที่ยวทริปนี้กัน

  ^__^  5555+  เด๋วเค้าจะน้อยใจกันนะค้าบบบ

พวกเรานัดขึ้นรถกันที่โรงเรียนเวลา 05.30 น. ของวันที่ 26 ก.ย. 52

แต่ไม่อยากจะบอกว่าวันนั้นอาการแพ้อาหารดันกำเริบขึ้นมาซะได้นิ่

ผื่นขึ้นเต็มตัวกันเลยค้าบบพี่น้อง และที่สำคัญก้อคือตัวบวมด้วยอีก

แต่ก้อนะ .. ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางครั้งนี้  กัดฟันตะลอนทัวร์

กันต่อไปกั๊บบบบ  อาศัยกินยาตลอดการเดินทาง ฮ่า ๆ ๆ  ^__^

สถานที่แรกเท่าที่จำได้น่าจะเป็นร้านผ้าไหมซึ่งท่าน สว. ทั้งหลาย

นิยมชมชอบกันอ่านะ แล้วเค้าก้อไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพก้อเลย

ไม่ได้ภาพจากส่วนนี้มาฝากกัน  ไปแหล่งที่เที่ยวแห่งที่ 2 กันเลย

ที่ ๆ จะพาไปชมต่อไปก้อคือ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ

อืมมม .. อันนี้ต้องบอกก่อนว่าไม่ค่อยมีคนไปเที่ยวกันสักเท่าไรนะ

ก้อไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคนเราถึงไม่ค่อยชอบที่เที่ยวแบบนี้

บางทีมันอาจจะน่าเบื่อก้อได้ แต่ประวัติความเป็นมาของเค้าก้อ

น่าสนใจอยู่ไม่น้อย  ลองมาชมภาพกันดีก่า  เผื่อมีใครสนใจและ

ต้องการที่จะมาเที่ยวชมบ้าง  ตามมาทางนี้กันได้เลยค้าบบ  ^__^