ด้าน ทิชา ณ นคร ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม บอกว่า... สังคมปัจจุบันคำโบราณที่ได้ยินกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ คือ ''อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า'' มันไม่พอแล้ว เพราะคดีข่มขืนที่เกิดจากคนใกล้ชิด คนรู้จักเป็นคนทำ มีมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นคนคอยระแวงตลอดเวลา เพียงแต่ควรรู้จักระวังตัวให้มากขึ้น และรู้จักสังเกต
นอกจากนี้ จากข่าวที่ปรากฏจะเห็นว่าปัจจุบันนี้มีการข่มขืนกันในระดับของคนที่มีการศึกษาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจริง ๆ ก็มีมานานแล้ว เพียงแต่คดีพวกนี้จะถูกซ่อนเอาไว้ไม่เปิดเผย แต่ปัจจุบันที่มีการเปิดเผยมากขึ้นเพราะมีองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสตรีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ที่ถูกข่มขืนกล้าที่จะมีปากมีเสียง กล้าทำให้ความจริงเปิดเผยมากขึ้น
''การศึกษาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ปัญหาข่มขืนลดลง ควรให้ความรู้กับเด็กอย่างทั่วถึง หรืออาจจะแทรกเข้าไปในหลักสูตรการศึกษา เพื่อที่ว่าเด็ก ๆ จะได้เห็นผลร้ายจากการกระทำ รู้ผิดชอบชั่วดีมากขึ้น ดีกว่าปล่อยให้เด็กรู้แค่จากข่าว แล้วปล่อยผ่านไป'' ...ผอ.ศูนย์ฯ บ้านกาญจนาภิเษกระบุ
พร้อมทั้งยังบอกด้วยว่า... การเมืองที่อ่อนแอ อ่อนแรงขับเคลื่อน ข้าราชการ, การละเมิดทางเพศยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ทั้งทางครอบครัว สังคม หรือโรงเรียน รวมถึงสื่อ, การเปลี่ยนไปของสังคมที่เปลี่ยนจากครอบครัวขยายเป็นครอบครัวเดี่ยว, การคึกคะนองของวัยรุ่น เหล่านี้ล้วนเป็นต้นเหตุภัย ''ข่มขืน'' ที่สังคมต้องใส่ใจ
ขณะที่ สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี มูลนิธิเพื่อนหญิง ก็ชี้ว่า... คดีข่มขืนเกิดมาจากหลายสาเหตุ ยาเสพติด แอลกอฮอล์ ก็เป็นสาเหตุสำคัญของคดีข่มขืนเช่นกัน และคดีข่มขืนจริง ๆ แล้วไม่ใช่แค่ชนชั้นรากหญ้าเท่านั้นที่ก่อคดี ปัญญาชน หรือแม้กระทั่งพระ ก็มีพฤติกรรมแบบ นี้ได้เช่นกัน อีกทั้งผู้หญิงที่ถูกข่มขืนในปัจจุบันส่วนใหญ่จะ ''ถูกกระทำโดยคนใกล้ชิด-คนรู้จัก'' ซึ่งสาเหตุหลักมาจากความไว้ใจ เชื่อใจ ไม่ทันระวังตัว ส่วนใหญ่จะถูกล่อหลอกให้ตายใจ ขณะที่กลุ่มคนแปลกหน้าเป็นผู้กระทำนั้น ปัจจุบัน มีจำนวนที่น้อยลงมาก
หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิสตรี บอกว่า... การป้องกันภัย ?ข่มขืน? นั้น ผู้หญิงควรฝึกป้องกันตัวจากการถูกข่มขืน ฝึกศิลปะป้องกันตัว หรือพกพาอาวุธป้องกันตัว เช่น สเปรย์พริกไทย เครื่องช็อตไฟฟ้า หลีกเลี่ยงการไปไหนสองต่อสองกับผู้ชาย และที่สำคัญคือต้องมีสติเมื่อเกิดภัยร้ายขึ้นกับตัว รวมถึงการแต่งตัวของผู้หญิงเองก็เป็นส่วนสำคัญ
''กฎหมายก็ควรจริงจังกับคดีอย่างนี้ให้มาก ๆ เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู เพื่อไม่ให้เกิดคดีแบบนี้ซ้ำ ๆ ส่วนผู้ที่กระทำผิดไปแล้ว อยู่ในเรือนจำแล้ว รัฐก็ต้องให้ความสำคัญกับการบำบัดปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาก ๆ เพื่อที่ว่าพ้นโทษออกมาแล้วจะได้ไม่ก่อคดีซ้ำอย่างที่มีข่าวอยู่เรื่อย ๆ'' ...สุเพ็ญศรีระบุ
''ข่มขืน'' ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาอมตะในสังคมไทยเรา
ยุคนี้ยิ่งน่าห่วงเพราะ ''คนคุ้นหน้า'' ก็ใช่จะไว้ใจได้
และแม้แต่ ''คนในครอบครัว'' ก็ยังน่ากลัว |