เรื่องจักจี้หัวใจพ่อแม่ที่กลัวลูกสาวเบี่ยงเบนทางเพศ views : 4879
    เรียนคุณหมอ?

หนูมีเรื่องจะเรียนถามและปรึกษาคุณหมอค่ะ?หนูคิดว่าหนูผิดปกติเพราะชอบผู้หญิงด้วยกันเอง คือพูดง่ายๆ ว่าเป็นทอม ความรู้สึกของหนูก็คือ เวลามองผู้หญิงด้วยกันแล้วจะรู้สึกดีๆ ด้วย แบบที่ผู้ชายเค้ารู้สึกกับผู้หญิง แต่ไม่มีความรู้สึกนั้นกับผู้ชายเลย เวลาไปไหนก็มองแต่ผู้หญิงสวยๆ ส่วนหนูแต่งตัวแบบผู้ชาย และคิดอยากมีแฟนเป็นผู้หญิงด้วย หนูเป็นทอมจริงๆ หรือเปล่าคะ

ทอมบอย
star story star story
ได้อ่านคำถามนี้ในเว็บเพ็จหนึ่ง ถึงไม่ได้เป็นจิตแพทย์ก็ตอบได้ว่า?ไม่ผิดปกติหรอกหนู? เดี๋ยวนี้จะเป็นเพศที่สามที่สี่ไม่มีใครว่าแล้ว เขาเปิดเผยกันให้แซ่ด? ?ที่ตอบได้สะดวกปากเพราะไม่ใช่ลูกของเราน่ะสิคะ !

วันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา เห็นลูกหอบกุหลาบแดงช่อโตกลับมาบ้าน ทีแรกคิดว่ามีหนุ่มมาจีบ ที่ไหนได้ ถามไปถามมาจับได้ว่าเป็นทอมรุ่นพี่

ทีแรก?คิดว่าดีเหมือนกัน ไม่น่าห่วงเหมือนพวกหนุ่มๆ แต่ไปๆ มาๆ ชักกังวลตะหงิดๆ เพราะลูกสาวแสนหวานของเราก็ไม่เบา เห็นคุยโทรศัพท์กันเจ๊าะแจ๊ะจี๋จ๋า เง้างอดให้ เข้าง้องอน ราวกับคู่หนุ่มสาว ต่อมาถึงขั้นเฝ้ารับส่ง?


เก็บความกังวลไปปรึกษาเพื่อน เขาบอกว่าเจอปัญหาเดียวกันกับหลานสาววัยเดียวกันนี่แหละ ที่เป็น 'ทอม' คลั่ง 'ดี้' ถึงขนาดไปกินไปนอนอยู่บ้านเขา โดยที่พ่อแม่ฝ่ายดี้ซึ่งหวงลูกสาวนักหนา ไม่ทันรู้สึกว่าผิดปกติ คิดว่าเพื่อนธรรมดามาค้างคืน แถมอุ่นใจว่าลูกมีเพื่อนไปไหนมาไหนด้วย หายห่วง แหม?ไม่นึกว่าจะเจอคนลงเรือลำเดียวกัน เลยเกี่ยวก้อยกันไปปรึกษาผู้รู้?


นักจิตวิทยาปลอบใจว่า วัยนี้เป็นพวกสับสนทางเพศค่ะ ในช่วงเวลาที่ลูกเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น จะเกิดความรู้สึกประมาณว่า?เราเป็นเกย์ หรือเลสเบี้ยนหรือเปล่านะ?เพราะก่อนหน้านี้ในช่วงพรีทีน เด็กๆ ยังคบหากันในลักษณะ homosocial เพื่อนหญิงเพื่อนชายไม่แตกต่าง ยังไม่เกิดความรู้สึกเคอะเขินต่อกัน แต่แล้วต่อมาจู่ๆ ก็ เอ๊ะ? คุยกับเพื่อนต่างเพศแล้วเขินจัง ?มือไม้ไม่รู้ว่าจะวางตรงไหน ไม่กล้าสบตา ที่เคยพูดเล่นหัวกันได้ก็ติดๆ ขัดๆ ?ทีนี้เลยหันไปคบหาแต่เพื่อนเพศเดียวกันดีกว่า


การแยกมาอยู่ในกลุ่มเพื่อนเพศเดียวกันทำให้วัยนี้รู้สึกสบายอกสบายใจขึ้น ประจวบกับเป็นช่วงวัยที่มีเรื่องลับคับอกมากมาย ก็ได้เพื่อนเพศเดียวกันนี่แหละพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องความรู้สึก เหงา เศร้า โกรธกับพ่อแม่ ทะเลาะกับน้อง และหลายเรื่องที่อยากรู้อยากเห็น เช่น เรื่องเพศ?


ถ้าอยากรู้ว่าเด็กๆ เขาสงสัยใคร่รู้อะไรกัน ให้เข้าไปเปิดดูกระทู้ในกระดานเว็บค่ะ จะเห็นคำถามประเภท ?การช่วยตัวเองเป็นยังไง คนเรามีเพศสัมพันธ์กันยังไง ถ้าจูบกันแล้วจะรู้สึกยังไง จะรู้สึกดีอย่างในนวนิยายบรรยายไว้มั้ย ความรักล่ะเป็นยังไง?

ความสงสัยแบบนี้ เด็กๆ เขาไม่ถามเราหรอกค่ะ เขาเรียนรู้จากเพื่อน และอาจจะเลยเถิดไปถึงการลอง? เด็กผู้หญิงอาจจะรู้สึกดี อบอุ่น เมื่ออยู่ใกล้เพื่อนหญิงคนสนิทที่รู้ใจ หรือเห็นรุ่นพี่ที่เล่นกีฬาเก่งเป็นฮีโร่ บางคนอาจจะเกิดความรู้สึกทางเพศ เมื่อบังเอิญได้รับสัมผัสตรงจุดเร้าจากเพื่อนเพศเดียวกัน เช่น เมื่อเพื่อนเข้ามากอดรัด จักจี้ จับมือ รู้สึกตื่นเต้นเมื่อเห็นส่วนโค้งส่วนเว้าของเพื่อนขณะอาบน้ำด้วยกัน แล้วเลยเหมาว่า นั่นคือความรู้สึกของคนที่รักกัน ?งั้นมาเป็นแฟนกันเถอะ!
ในหมู่เด็กผู้หญิงเลยเกิดทอม-ดี้ เป็นปกติ โดยเฉพาะในโรงเรียนหญิงล้วน ซึ่งเด็กไม่ค่อยได้ปฏิสัมพันธ์กับเพศตรงข้าม เรื่องไม่ปกติแบบนี้เกิดขึ้นเป็นปกติมาแต่โบร่ำโบราณ ที่เรียกกันว่า 'เล่นเพื่อน' นั่นแหละค่ะ

เด็กบางคนบุคลิกท่าทางเหมือนผู้ชายอยู่แล้ว เมื่อมาอยู่ในโรงเรียนหญิงล้วนที่นิยมรุ่นพี่ทอมบอย ก็เป็นที่ชื่นชอบ มีเพื่อนสาว รุ่นน้องบ้างมารุมล้อมหลงใหลได้ปลื้ม ยิ่งมีต้นแบบดังๆ มีลักษณะเป็นทอม อย่างพี่แว่น นักบาส (สมัยแม่ก็มีฟี่ปุ๊-อัญชลี จงคดีกิจ ไงคะ) ก็จะมีการเลียนแบบกันได้


แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่า ท่าทางลูกเราจะกลายเป็นทอม หรือดี้ไปซะแล้ว? ลูกเราอาจเพียงแต่ชอบแต่งตัวเหมือนผู้ชาย ก็หุ่นไม่ให้นุ่งกระโปรงสั้นหวานแหววนี่นา หน้าอกรึก็แบนแต๋ นุ่งกางเกงเสื้อยืดมั่นใจกว่า ยิ่งมีเพื่อนๆ น้องๆ ชมว่าเท่ ก็ยิ่งมั่นใจว่าแบบนี้แหละเหมาะกับตัวเอง มีหลายรายทีแรกเห็นเป็นทอมจ๋าอยู่ดีๆ พออีกทีตอนเป็นผู้ใหญ่ กลายเป็นสาวสวยรวยเสน่ห์ ซ้ำมีแฟนเป็นชายแท้เสียฉิบ


หรือที่ทำตัวเป็นดี้ ติดแจอยู่กับเพื่อนทอม อาจเพราะเพื่อนทอมเอาใจเก่ง คอยดูแล อุ่นใจดี โตขึ้นเมื่อเข้าใจอะไรมากขึ้น ได้คบหาเพื่อนชาย ก็จะเลิกเป็นดี้ไปเอง

อย่างนี้ เรียกว่าเป็นธรรมชาติของพัฒนาการตามวัยค่ะ เป็นอยู่เดี๋ยวเดียวแหละ ไม่ต้องห่วง ทอม-ดี้ในวัยรุ่น เมื่อเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม เติบโตขึ้น ได้มีโอกาสเรียนรู้สัมพันธภาพกับเพศตรงข้าม เธอจะรู้บทบาททางเพศที่แท้จริงของตัวเองค่ะ

แต่ก็อาจมีบางรายที่เลือกเป็นทอม-ดี้ต่อไป เพราะปัจจัยแวดล้อม และรวมไปถึงเรื่องของยีนซึ่งเป็นตัวการที่ทางการแพทย์สงสัยว่าเป็นต้นเหตุ ของการเบี่ยงเบนทางเพศ (หรือเปล่า?)


ปัจจัยแวดล้อมที่ทำให้เด็กไม่สามารถพัฒนาบทบาทางเพศไปได้ มีตั้งแต่ทัศนคติของพ่อแม่ พ่อแม่อยากมีลูกผู้ชาย ชอบให้ลูกสาวห้าวหาญเหมือนผู้ชาย หรือเด็กมีประสบการณ์ ที่ทำให้เกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อเพศชาย เช่น พ่อหรือเพศชายที่อยู่แวดล้อมมีพฤติกรรมที่ไม่ดี ถูกผู้ชายหักอก หรือไม่มีโอกาสที่จะสร้างสัมพันธภาพที่ดีต่อเพศชาย ทอม-ดี้ ในวัยสับสนก็อาจจะเป็นทอม-ดี้ต่อไปได้เหมือนกัน


ถึงขั้นนั้น พ่อแม่คงต้องทำใจยอมรับเช่นเดียวกับพ่อแม่ที่มีลูกเป็นเกย์ละค่ะ จะเป็นผลดีต่อลูกมากกว่าที่จะต่อต้านพยายามแก้ไขเขาหายจากการเป็นทอม-ดี้

แต่อย่างไรในวัยนี้ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า พ่อแม่ช่วยให้ลูกเรียนรู้บทบาททางเพศได้ โดยให้ความมั่นใจว่า ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร พ่อแม่ก็เข้าใจและยอมรับได้ เพราะถ้าลูกรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นดังที่พ่อแม่คาดหวัง เช่น พ่อแม่อยากมีลูกชาย หรือไม่เก่งไม่ดีอย่างที่อยากให้เป็น เขาอาจยิ่งทำตัวเป็นทอม-ดี้ ประชดพ่อแม่เข้าไปใหญ่


ให้ความมั่นใจกับลูกว่า ผู้หญิงก็สามารถแต่งตัว มีลักษณะท่าทางแบบผู้ชายได้ ทำตัวแบบผู้ชายได้ โดยไม่ต้องเป็นเพศที่สามที่สี่ หรือเป็นทอม เพื่อให้ลูกรู้ว่าแม้ทำตัวไม่เหมือนผู้หญิง เขาก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่เหมือนกัน หาโอกาสให้ลูกได้เข้ากลุ่มมีปฏิสัมพันธ์ทั้งเพื่อนหญิงเพื่อนชาย เพื่อเรียนรู้บทบาททางเพศของเพศเดียวกับตนเองและเพศตรงข้าม


ไม่ว่าจะเป็นทอม-ดี้-เกย์ ยังไงก็ลูกเรา จริงไหมคะ อย่าทำให้เขาสูญเสียคุณค่าในตัวเองเพราะเรารับไม่ได้เลยค่ะ


ที่มา : elib-online.com
author :  ดัชนี ดู hotIssue ทั้งหมด
*** กรุณา Login ก่อนจึงจะสามารถแสดงความคิดเห็นได้นะจ๊ะ ***